หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะลจืด - สยามมงคลแมก

สยามมงคลแมก

สยามมงคลแมก : นิตยสารพระเครื่องและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออนไลน์ บทความสาระความรู้ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระเครื่อง ให้บูชาพระเครื่อง และแนะนำวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง

test banner

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะลจืด


หลวงพ่อทวด หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ตำนานพระเกจิอาจารย์ที่เล่าขานสืบต่อกันมา ว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ในยุคกรุงศรีอยุธยา จนกลายเป็นตำนานการสร้างพระเครื่องพระบูชาหลวงปู่ทวด ขึ้นจนเป็นที่กล่าวขานเลื่องลืมถึงความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาและการบูชามากที่สุดรูปหนึ่งในตำนานพระเกจิอาจารย์ของเมืองไทย

ตำนานประวัติและชาติกำเนิดหลวงปู่ทวด
ท่านเกิดวันศุกร์ ที่ 4 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2131 ตรงกับ สุกรวาร, ขึ้น 8 คํ่า , เดือน : 4 เล่ากันว่าขณะท่านเกิดมีเหตุอัศจรรย์คือเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งว่ามีผู้มีบุญญาธิการมาเกิด เมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้วนายหูบิดาของท่านก็นำรกของท่านไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งปัจจุบันคือ สำนักสงฆ์ต้นเลียบ ตั้งอยู่ที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดและสถานที่ฝังรกของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และตั้งชื่อทารกน้อยว่า "ปู"

เรื่องเล่าเหตุอัศจรรย์ของท่านเมื่อครั้งยังเป็นทารก ในช่วงฤดูเกี่ยวข้าวบิดามารดาของท่านต้องออกไปเกี่ยวข้าวที่กลางทุ่งนาซึ่งเป็นนาของเศรษฐีปาน ซึ่งท้องนาแห่งนั้นห่างจากบ้านของท่านประมาณ 2 กิโลเมตร ที่นาแห่งนั้นมีดงตาลและมะเม่าเป็นจำนวนมากครั้งนั้นจึงเรียกว่าทุ่งเม่า ปัจจุบันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อนาเปล อ.สทิงพระ จ.สงขลา ในสมัยนั้นจึงมีสัตว์ป่าชุกชุม บิดามารดาของท่านจึงผูกเปลของท่านซึ่งเป็นเปลผ้าไว้กับต้นมะเม่าสองต้นและก็ได้เกี่ยวข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น พอได้ระยะเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูก นางจันทร์จึงเดินมาที่ที่ปลูกเปลของลูกน้อย และก็เห็นงูจงอางตัวใหญ่หรืองูบองหลาที่ชาวภาคใต้เรียกกัน เลื้อยมาพันที่รอบเปลที่แขวนท่านไว้ นางจันทร์เห็นแล้วตกใจเป็นอันมากจึงเรียกนายหูซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาดูและช่วยไล่งูจงอางนั้น แต่งูจงอางนั้นก็ไม่ไปไหน นายหูและนางจันทร์จึงได้อธิษฐาน ว่าขออย่าให้งูทำร้ายลูกน้อยของฉันเลย จากนั้นงูจงอางนั้นก็คลายวงรัดออกและเลื้อยหายเข้าไปในป่า นายหูและนางจันทร์จึงเข้าไปดูลูกน้อยเห็นว่ายังหลับอยู่และไม่เป็นอันตรายใดๆ และปรากฏว่ามีเมือกแก้วขนาดใหญ่ที่งูจงอางคลายไว้อยู่บนอกเด็กชายปูนั้น เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาวและต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว ปัจจุบันได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา เมื่อเศรษฐีปานทราบเรื่องเข้าก็ขอลูกแก้วนั้นจากนายหูและนางจันทร์ บิดามารดาของท่านก็ยอมให้ เพราะถือเป็นนายเงิน แต่ลูกแก้วนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิประจำตัวท่าน เมื่อเศรษฐีปานเอาลูกแก้วไปแล้วก็เกิดเหตุเภทภัยขึ้นในครอบครัวเกิด เช่นการเจ็บป่วย และมีฐานะยากจนลง เศรษฐีปานจึงได้เอาลูกแก้วมาคืนและขอขมาเด็กชายปู และยกหนี้สินให้แก่นายหูและนางจันทร์ ทั้งสองจึงพ้นจากการเป็นทาสและต่อมาก็มีฐานะดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเศรษฐีปานก็มีฐานะดีขึ้นดังเดิม

ชีวิตในวัยเยาและอุปสมบท
เมื่อท่านมีอายุได้ประมาณ 7 ขวบ ประมาณปี พ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านจึงนำท่านไปฝากไว้เป็นศิษย์วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือ ที่วัดกุฎิหลวงหรือวัดดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้บ้านท่าน ขณะนั้นมีท่านสมภารจวง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดีเรียนเก่งสามารถเล่าเรียนภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว สมภารจวงได้บวชให้ท่านเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 15 ปี หลังจากบวชเป็นสามเณรแล้วบิดาของท่านจึงได้ถวายลูกแก้วประจำตัว คืนให้แก่ท่าน

ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ตลอดเวลาของท่าน ต่อมาท่านสมภารจวงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือที่สูงขึ้นสมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ ปัจบันก็คือเรียนนักธรรมนั่นเอง โดยนำไปฝากเรียนไว้กับสมเด็จพระชินเสน ซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา ให้มาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดสีคูยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบัน ห่างจากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร ท่านได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูยังนั้น หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อที่เมือนครศรีธรรมราชเพื่อเล่าเรียนศึกษาให้มากขึ้น

โดยมาพำนักอยู่ที่วัดเสมาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสำนักเรียนและมีสมเด็จพระมหาปิยะทัสสี เป็นเจ้าอาวาส และบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุครบกาลอุปสมบท ท่านได้ศึกษาวิชาและสรรพวิทยาการจากครูบาอาจารย์หลายท่าน จนมีความรู้ทั้งทางด้านปริยัติ บาลี ทั้งอักขระขอมเลขยันต์และ ว่ากันว่าท่านเป็นผู้ทรงอภิญญาฤทธิ์มาก และได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากสมเด็จพระเอกาทศรศ ในในราชทินนามสุดท้ายคือ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ 

ปัจฉิมวัย
เมื่อท่านมีอายุได้ 80 ปี ท่านได้ลากลับมาจำพรรษาที่วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน ต่อมาท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์ว่าเมื่อท่านมรณภาพให้นำพระศพท่านไปไว้ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพราะกาลต่อไปจะเป็นสถานที่ๆคนจะมากราบไหว้บูชาท่าน

ตำนานแห่งการเหยียบน้ำทำเลจืด
เหตุการณ์สำคัญที่เป็นตำนานกล่าวขาน "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" นั้น เล่าว่าในครั้งที่ท่านเดินทางไปไปศึกษาพระธรรมที่กรุงศรีอยุธยานั้น ได้อาศัยเรือสำเภาเดินทางไป เมื่อไปถึงกลางทะเลปรากฏว่าบนเรือขาดแคลนน้ำจืด ท่านจึงได้นำเท้าจุ่มลงไปในทะเล แล้วให้คนในเรือตั้งน้ำขึ้นมาดื่มปรากฏว่าเป็นน้ำจืด จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของคนในเรือเป็นอย่างมาก


ตำนานแห่งการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด
เนื่องจากหลวงปู่ทวดเป็นตำนานของพระเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างสูงของภาคใต้ ต่อมาได้เพิ่มศรัทธาเป็นทั่วประเทศ อันเนื่องด้วยคำบอกเล่าหรือประสบการณ์ทางด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ โดนเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านแคล้วคลาดนิรันตราย ว่ากันว่าหากใครมีแม้แต่รูปถ่ายหลวงปู่ทวดติดตัว หรือยวดยานพาหนะ จะไม่ตายโหงเด็ดขาด 
ต่อมาได้มีการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2475 โดยพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี หลังจากนั้นมาก็ได้มีจัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดขึ้นอีกมากมายหลายรุ่น โดยวัดและเกจิอาจารย์ต่างๆ ตลอดจนสร้างเป็นรูปหล่อรูปบูชาอีกมากมายจนเป็นตำนานพระเครื่องพระบูชาหลวงปู่ทวดเป็นที่เป็นตำนานแห่งความเชื่อความศรัทธาของเมืองไทย

หลวงปู่ทวด จึงเป็นตำนานพระเกจิอาจารย์เพียงองค์เดียว มีมาจากเรื่องเล่าขานประวัติศาสตร์ยุคก่อน ที่เป็นความเชื่อความศรัทธาที่แพร่หลายมากที่สุดในเมืองไทย




รวบรวมและเรียบเรียงโดย : อาจารย์นุ สยามมงคล
ผู้ใดนำไปเผยแพร่ต้องให้เครดิตที่มา พร้อมทั้งทำ Link กลับมาที่ต้นฉบับด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Pages