หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท - สยามมงคลแมก

สยามมงคลแมก

สยามมงคลแมก : นิตยสารพระเครื่องและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออนไลน์ บทความสาระความรู้ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระเครื่อง ให้บูชาพระเครื่อง และแนะนำวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง

test banner

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท


หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พระเกจิอาจารย์รู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมแห่งที่ราบลุ่มภาคกลางที่เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวางจากเหล่าสาธุชน

ชาติภูมิ
พระครูวิมลคุณากร หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นามเดิมว่าศุข เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ตรงกับปีนักษัตรฉลู ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่บ้านมะขามเฒ่า หรือในปัจจุบันคือ บ้านปากคลอง ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท โยมบิดาชื่อน่วม มารดาชื่อ ทองดี มีภูมิลำเนาที่ตำบลมะขามเฒ่า ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย และทำสวน หลวงปู่ศุขท่านเป็นบุตรคนโต มีพี่น้องรวมกัน ๙ คนชีวิตในวัยเยาว์ของท่าน เด็กชายศุขมีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และมีความมั่นใจในตัวเองมากในวัยหนุ่มท่านได้มาอาศัยอยู่ที่ จังหวัดนนทบุรี มีภรรยาชื่อ สมบุญ และมีบุตรชายด้วยกัน 1 คนชื่อ นายสอน เกศเวชสุริยา

อุปสมบท
เมื่อท่านอายุได้ 22 ปี ได้ตั้งใจบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ โดยได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดโพธิ์ทองล่าง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านที่ท่านอาศัยอยู่ในขณะนั้นโดยมี พระครูเชย จันทสิริ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองล่างเป็นพระอุปัชฌาย์ พระถายม เป็นพระคู่สวด การอุปสมบทในครั้งนี้โยมบิดามารดาไม่ได้เข้าร่วมพิธีด้วยเนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวกเหมือนสมัยนี้ จากนั้นท่านก็ได้ศึกษาพระธรรม และสรรพวิชาต่างๆจากพระครูเชย ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ฝ่ายรามัญที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ศึกษาพระกรรมฐานและพระเวทวิทยาคมจากพระอุปัชฌาย์จนมีความรู้พอสมควรแล้วก็ได้เดินทางไปศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากสำนักที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ซึ่งมีวัดพลับ(วัดราชสิทธาราม) กับ "พระสังวราเมฆ" พระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพระกรรมฐานลำดับมัชฌิมาปฏิปทาในสมัยนั้น และท่านได้ศึกษาพระกรรมฐานที่นี่จนมีความแตกฉาน โดยอาศัยจำวัดอยู่ที่วัดอนงคาราม



แสวงหาครูบาอาจารย์ในด้านพระกรรมฐานและพระเวทวิทยาคม เมื่ออุปสมบทแล้วในตอนแรกท่านจำพรรษาอยู่กับพระอุปัชฌาย์ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจนมีความแตกฉานพอสมควรแล้ว ท่านได้ออกเดินธุดงค์ เพื่อหาที่สงบฝึกฝนวิชาต่างๆที่ได้เล่นเรียนมา ในช่วงเวลานี้ท่านได้เดินทางไปในที่ต่างๆเพื่อศึกษาวิชาจากสำนัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยนั้น การเรียนกรรมฐานกับสำนักวัดพลับ(วัดราชสิทธาราม) กับ "พระสังวราเมฆ" พระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพระกรรมฐานลำดับมัชฌิมาปฏิปทาในสมัยนั้นโดยครั้งหนึ่งได้ปรากฎเรื่องราวระหว่างหลวงปูศุขและพระสังวราชุ่ม ศิษย์เอก พระสังวราเมฆ กล่าวคือในตอนนั้นหลวงปู่ศุขท่านได้ทดลองทำปาฏิหาริย์โดยการนำหัวปลี ๓ หัวมาบริกรรมด้วยพระคาถาที่ท่านได้เล่าเรียนมาเสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย หลวงปู่เสกอยู่นานผลปรากฎว่าหัวปลีทั้ง ๓ หัวก็ได้กลายเป็นกระต่าย ๓ ตัวในบัดดล พระสังวราชุ่ม ท่านคงนึกสนุกจึงได้บอกสัพยอกหลวงปู่ศุขว่า "กระต่ายของคุณต้องมานั่งบริกรรมคาถา ดูของผมนี่สิ" ว่าแล้วหลวงปู่ชุ่มก็พลางเอาปลายไม้เท้ายอดตาลของวิเศษประจำสำนักวัดพลับของท่าน ชี้ไปที่หัวปลีที่กองไว้บนพื้นที่เหลือผลปรากฎว่าหัวปลีที่เหลือได้กลายเป็นกระต่ายจำนวนมาก สร้างความประหลาดใจให้กับหลวงปู่ศุขยิ่งนัก จกานั้นมาท่านจึงขวนขวายในการเรียนพระกรรมฐานลำดับแบบมัชฌิมาปฏิปทาจนแตกฉานโดยอาศัยอารามวัดอนงคารามเป็นที่จำวัด


นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาด้านการเล่นแปรธาตุ กับ หลวงปู่ทับวัดอนงคาราม โดยพักอยู่กับสมเด็จพระพุฒาจารย์(นวม) พุทธสรมหาเถร ซึ่งเป็นสหธรรมิกในฐานะชาวชัยนาทด้วยกันวิชาที่ท่านได้มากจากหลวงปู่ทับคือการทำ "โลหะเมฆสิทธิ์" ที่มีคุณวิเศษด้านการเสริมโชคลาภและกลับเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี จะเห็นได้ว่ามีพระเครื่องหลวงปู่ศุขหลายรุ่นที่เป็นพระเนื้อเมฆสิทธิ์ ตำรับของวัดอนงคาราม ซึ่งในปัจจุบันนี้ตำราการเล่นแร่แปรธาตุทำเมฆสิทธิ์ได้ตกอยู่ที่ "ปู่ดำ คนอำเภออัมพวา" เมื่อปู่ดำสิ้นลงตำราตกอยู่กับ "หมอแช่ม เมืองสมุทรสงคราม" และตกทอดสู่ "พระอาจารย์สุพจน์ วัดท่าตำหนัก"

หลวงปู่ศุขท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ในความแตกฉานทั้งทางด้านพระธรรมกรรมฐาน ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญทางด้านพระเวทย์วิทยาคม ตลอดจนด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เป็นที่ประจักษ์เลื่องลือถึงพลังจิตานุภาพของหลวงปู่ นอกจากนั้นท่านยังสำเร็จวิชา นะต่างๆ ตลอดจนการสร้างผงพุทธคุณต่างๆ โดยท่านได้ลบผงพุทธคุณไว้ โดยนำดินสอพองมาเขียนยันต์ลงบนกระดานดำ จากนั้นใช้แปรงลบยันต์นั้นเป็นผงพุทธคุณลบถม ซึ่งผงวิเศษต่างๆนั้นมีชื่อต่างๆอาทิเช่น ผงปถมัง ผงนะปัดตลอด ผงตรีนิสิงเห ผงอิทธิเจ ผงมหาช และผงพุทธคุณ ๑๐๘ และอื่นๆ โดยผงพุทธคุณที่ท่านสร้างขึ้นนั้นมีอิทธิคุณอำนาจในด้านต่างๆเช่นมหาอุตม์ คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ ก็แล้วแต่ประเภทต่างๆของผงวิเศษนั้น จากนั้นท่านได้นำผงพุทธคุณนี้มาเป็นมวลสารในการจัดสร้างเป็นพระเครื่องหลายพิมพ์ด้วยกันอาทิเช่นพระปิดตา ซึ่งต่อมากลายเป็นหนึ่งในยอดพระปิดตาที่เป็นตำนานของไทย


หลวงปู่ศุขท่านได้กลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดชัยนาท เพราะได้ข่าวว่ามารดาล้มป่วยด้วยโรคชรา ช่วงแรกท่านได้มาจำพรรษาที่วัดอู่ทองคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แต่โบราณที่อยู่ลึก เข้าไปในคลองมะขามเฒ่าหรือบริเวณต้นแม่น้ำท่าจีนในปัจจุบัน แต่ทว่าสภาพวัดในขณะนั้น ชำรุดทรุดโทรมลงตามสภาพ เกินกว่าที่จะบูรณะให้กลับคืนในสภาพที่ดีได้ต่อไป ท่านจึงได้ สร้างวัดขึ้นมาใหม่ซึ่งก็คือวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้เริ่มสร้างถาวรวัตถุต่างๆจากวัดร้าง ที่ไม่มีอะไรเลย จนมีถาวรวัตถุหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ ศาลา กุฏิสงฆ์ จนมีความเจริญรุ่งเรือง


ต่อมาหลวงปู่ศุขท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวิมลคุณากร ตำแหน่งเจ้าคณะแขวง (ปัจจุบันเรียกว่าเจ้าคณะอำเภอ) เป็นองค์แรกของอำเภอวัดสิงห์ หลวงปู่ศุขท่านเริ่มมีอาการอาพาธด้วยโรคชราในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๖ ท่านเริ่มอาพาธมากขึ้น และในเดือนพฤศจิกายน ก็มรณภาพลงด้วยอาการสงบในวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ สิริอายุได้ ๗๕ ปี พรรษาที่ ๕๐

พระเครื่องวัตถุมงคลหลวงปู่ศุข
หลวงปู่ศุขท่านได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลขึ้นหลายแบบหลายรุ่นอาทิเช่น
-พิมพ์พระพุทธเนื้อโลหะ มีหลายแบบ
-พระปิดตา
-เหรียญรูปเหมือน
-ตะกรุด

ซึ่งพระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านในปัจจุบันเป็นที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักสะสมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Pages