หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพมหานคร

พระภาวนาโกศลเถระ (เอี่ยม สุวณฺณสโร ) วัดหนัง อ.บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พระเกจิอาจารย์แห่งยุคพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ผู้มีพลังจิตตบะแก่กล้า

หลวงปู่เอี่ยม หรือ "เจ้าคุณเฒ่า" หรือ "พระภาวนาโกศล" (เอี่ยม) ท่านเป็นชาวบางขุนเทียน จ.กรุงเทพมหานคน เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2375 เป็นบุตรของนายทองและนางอู่ เมื่อปีพ.ศ. 2387 โยมทั้งบิดามารดาได้นำท่านไปฝากเรียนอยู่ที่สำนักวัดหนัง เขตจอมทอง กรุงเทพมหาคร จนถึงปี พ.ศ. 2397 ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดราชโอรส เขตจอมทอง กรุงเทพมหาคร เมื่อบวชแล้วท่านได้ร่ำเรียนพระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดราชโอรส ระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ย้ายไปอยู่ที่วัดนางนอง เขตจอมทอง กรุงเทพมหาคร โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับ "หลวงปู่รอด" ซึ่งกำลังเลื่องชื่อมากในด้านพระเวทย์วิทยาคม หลวงปู่เอี่ยมท่านจึงได้หันมาสนใจศึกษาทางด้านพระเวทย์ จนเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์ ครั้นต่อมาในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 หลวงปู่รอด ได้ถูกถอดจากสมณะศักดิ์เดิม ให้เป็นพระสงฆ์ธรรมดา หลวงปู่รอดจึงได้ย้ายพระอารามไปครองอยู่ที่วัดโคนอน โดยมีหลวงปู่เอี่ยมตามไปรับใช้อยู่ที่วัดโคนอนด้วย ต่อมาหลวงปู่รอดได้มรณภาพ หลวงปู่เอี่ยมท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโคนอนสืบต่อไป เมื่อถึงปี พ.ศ. 2441 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าให้ "หลวงปู่เอี่ยม" ไปครอง "วัดหนัง" และปีถัดมา ในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ได้พระราชทานสมณะศักดิ์ให้แก่หลวงปู่เอี่ยมเป็นพระราชาคณะ "พระภาวนาโกศล" (เอี่ยม)ท่านได้ปกครองครองวัดหนังเป็นระยะเวลา 27 ปีเศษ และได้มรณภาพ เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2469 รวมอายุได้ 94 ปี

ความสัมพันธ์ของหลวงปู่เอียมกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในหลวงรัชกาลที่ 5 ท่านมีความเคารพในพระเดชพระคุณหลวงปู่เอี่ยมมาก ในครั้งที่จะเสด็จประพาสยุโรป พระองค์ ทรงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่เอี่ยมและทรงถามถึงการเสด็จไปยุโรปครั้งนี้ว่าจะมีเหตุการณ์อันใดบ้าง หลวงปู่เอี่ยมได้หลับตานั่งสมาธิซักพักหนึ่งแล้วก็ ตอบว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นสองเหตุการณ์เหตุการณ์แรก ที่กลางมหาสมุทรจะเกิดพายุร้าย เหตุการณ์ที่สองจะเกิดเหตุการณ์ที่เมืองฝรั่ง พวกฝรั่งจะคิดร้ายโดยให้ขี่ม้าพยศซึ่งอาจจะเป็นอันตรายแก่พระวรกายได้ แล้วหลวงปู่เอี่ยมท่านก็ให้คาถาบทหนึ่งซึ่งเวลาเกิดเหตุแล้วให้สวดคาถานี้จะรอดพ้นจากอันตรายทุกอย่าง ซึ่งพระคาถานั้นคือ คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "

เมื่อพระองค์เสด็จออกจากพระนครแล้วก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่หลวงปู่เอี่ยมได้บอกไว้จริง เมื่อเดินทางไปถึงกลางทะเลเกิดลมพายุใหญ่ฝนฟ้าคนองน่ากลัว พระองค์จึงได้เสด็จไปที่หัวเรือแล้วท่องคาถาที่หลวงปู่เอี่ยมให้ ลมพายุก็สงบลงอย่างน่าอัศจรรย์ และเมื่อพระองค์เสด็จไปถึงต่างประเทศที่ยุโรปแล้ว พวกฝรั่งที่ไม่สงค์ดี ได้ทำอุบายนำมาพยศนิสัยดุร้ายมาให้ทรง พระองค์ท่านเห็นดังนั้นจึงได้นำหญ้ามาหนึ่งกำมือแล้วเสกด้วยพระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าแล้วให้ม้ากินจนม้านั้นหายพยศ และพระองค์ก็ได้ทรงม้านั้น และภาพการทรงม้านั้นของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ยุโรปจึงเป็นที่ม้าของการสร้าง พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ทรงม้าในลานพระบรมรูปทรงม้าที่ลานพระราชวังดุสิต

ในด้านพระเครื่องและวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง หลวงปู่เอี่ยมท่านได้จัดสร้าง พระเครื่องและวัตถุมงคลขึ้น แต่ที่ได้รับการกล่าวขานกันมากได้แก่ พระปิดตา หรือพระปิดทวารทั้ง 9 หลวงปู่ท่านได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ.2543 จากประสบการณ์เล่าขานจากการบูชาพระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมนั้นว่ากันว่ามีอิทธิคุณอำนาจทางด้าน มหาอุด และคงกระพันชาตรีเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นพระปิดตาแล้วยังมีเหรียญรูปเหมือน ตลอดจนเครื่องรางของขลังเช่นะกรุด และหมากทุยเป็นต้น